กราโนล่า (Granola) เป็นอาหารหรือขนมขบเคี้ยวที่ได้รับความนิยมมาจากชาวตะวันตก ซึ่งมักจะรับประทานเป็นอาหารเช้าหรือขนมทานเล่น โดยเชื่อว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ รับประทานแล้วจะอิ่มท้องนาน และช่วยในการลดน้ำหนัก เพราะมีคุณค่าทางสารอาหารมาก และให้พลังงานสูง

กราโนล่าประกอบไปด้วยข้าวโอ๊ต น้ำผึ้ง ถั่ว และธัญพืชต่างๆ ที่สามารถใส่ได้ตามใจชอบ เช่น ผลไม้แห้ง ลูกเกด ถั่ว วอลนัท หรืออัลมอนด์ หากคนระหว่างอบกราโนล่าจะไม่ติดกันเป็นแท่ง จะเหมาะกับการรับประทานเป็นอาหารเช้า แต่ถ้าอัดให้ติดกันเป็นแท่งก็จะเหมาะกับการทานเล่นเป็นขนม โดยสามารถนำมารับประทานกับโยเกิร์ต น้ำผึ้ง นม หรือซีเรียลก็อร่อยเข้ากันมาก นอกจากนี้ยังเหมาะกับการแต่งหน้าขนมอีกด้วย

กราโนล่า กินแล้วไม่อ้วนจริงไหม

ตอนนี้ผู้คนจำนวนมากกำลังหันมารักตัวเองมากขึ้น ทั้งเอ็กเซอร์ไซส์ในแบบต่างๆ ดูแลเรื่องการรับประทาน อาหารก็ต้องเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ไม่เค็ม ไม่มัน หวานน้อย และกราโนล่าก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่คนควบคุมอาหารกำลังนิยมมากๆ ไม่ว่าจะกินคู่กับนมหรือเอาไว้ของกินเล่นก็ได้เพราะกลิ่นหอมอร่อยเหมือนขนมและก็มีประโยชน์ด้วยเพราะมันคือส่วนผสมที่ไม่ได้ผ่านการแปรรูป ไม่ว่าจะเป็น โอ๊ต อัลมอล เมล็ดพืชหลายๆชนิดที่ผสมกันแล้วเอาไปอบให้แห้ง หลายคนก็ใส่ผลไม้แห้งอื่นๆอย่างลงไปเพื่อให้อร่อยยิ่งขึ้น ทำให้กราโนล่ามีพลังงานสูงแต่เต็มไปด้วยสารที่มีประโยชน์ ทั้ง fiber และธาตุเหล็กสูง ส่วนถั่วและ seeds ต่างๆก็เป็นไขมันดี แต่ถึงแม้จะฟังดูคลีนๆแต่ก็ให้พลังงานที่สูงทำให้ต้องคิดให้ดีก่อนกิน เพราะหากกินมากก็อ้วนได้เหมือนกันและนี่คือสิ่งที่ควรรู้ก่อนกินกาโนล่า ขนมคลีนที่กำลังฮิตกัน

1. ควรตรวจสอบปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในกราโนล่าให้ดี

เพราะกราโนร่ามักจะมีส่วนผสมที่เต็มไปด้วยน้ำตาลแต่ในฉลากอาจจะไม่ได้เขียนตรงๆว่าน้ำตาลธรรมดา อาจจะใช้ชื่ออื่นๆเช่นน้ำเชื่อมอ้อย น้ำตาลน้ำอ้อย น้ำเชื่อมข้าวกล้อง น้ำเชื่อมข้าวโอ๊ต แต่ทั้งหมดนี้ก็คือน้ำตาลนั่นเอง ในแต่ละวันปริมาณน้ำตาลที่ควรบริโภคคือไม่เกิน 8 กรัม

2. ตรวจสอบปริมาณแคลอรี่

ถ้าเลือกกาโนล่าที่ไม่ปรุงแต่งเยอะก็จะให้พลังงานน้อยกว่า
3. ใช้ ภาชนะใบเล็กๆเข้าไว้ในการรับประทาน

และอาจจะทานควบคู่ไปกับอาหารชีวจิต เช่นกรีกโยเกิร์ตหรือโอ๊ตมีล ก็ได้

4. ตัดปริมาณไขมันออกบ้าง

กราโนล่าส่วนใหญ่มีไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งเป็นไขมันดีบำรุงหัวใจและมีโอเมก้า 3 จากเมล็ดธัญพืชอีกด้วย แต่กินไขมันมากไปก็ไม่ใช่เรื่องดีหากจะเลือกกินกราโนล่าเป็นขนมลองเลือกแบบที่มีไขมันเพียง 2-3 กรัม เช่น กราโนล่าที่มีส่วนผสมของผลไม้เยอะๆ

5. เลือกชนิดน้ำมันที่ใช้อย่างฉลาด

ขนมกราโนล่าหลายยี่ห้อใช้น้ำมันปาล์มและน้ำมันไฮดรอลิคในส่วนผสมที่เห็นได้บนฉลากซึ่งน้ำมันพวกนี้มีไขมันอิ่มตัวและส่งผลร้ายต่อหัวใจดังนั้นลองเลือกหายี่ห้อที่ใช้น้ำมันมะพร้าวแบบออแกนิคหรือน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จะดีกว่า

6. ระวังส่วนผสมที่อาจเป็นอันตราย

ยังคงมีการกราโนล่าบางแบรนด์ที่อ้างว่าตัวเองเป็นแบรนด์เพื่อสุขภาพแต่ก็ยังใช้ส่วนผสมของอินนูลิน (มันคือ Fiber ที่ละลายน้ำได้ซึ่งมีผลเสียทำให้การย่อยอาหารมีปัญหา) หรือโปรตีนถั่วเหลืองแบบแยกตัวหรือส่วนผสมอื่นๆอีก ดังนั้นก่อนเลืกซื้อมากินลองอ่านส่วนผสมให้ดีก่อนนะคะ

กราโนล่า กล้วยดิบ N_Healthfruits ของเรา นำมาแปรรูปให้ง่ายต่อการรับประทานมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับเด็ก เพิ่มความอร่อยในตัวและได้สรรพคุณต่างๆที่เราคัดสรรมาอย่างดีมีคุณภาพ ซึ่งกราโนล่า กล้วยดิบ Healthfruits ของเรานั้น ใช้ส่วนผสมหลักจากกล้วยดิบมาทำ และประกอบไปด้วยส่วนผสมอื่นๆที่ให้สรรพคุณมากมายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น งา, อัลมอนด์, เมล็ดทานตะวัน, ลูกเกด, กีวี่แห้ง เนยถั่ว และไม่ได้ใช้น้ำตาลเป็นส่วนผสมเลย โดยทุกขั้นตอนในการผลิตภัณฑ์ กราโนล่า กล้วยดิบ Healthfruits นั้น เราจะเน้นความสะอาดและความปลอดภัยเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ดีจากเรา