กล้วยน้ำว้าดีต่อเด็กทารกหรือไม่

กล้วยน้ำว้าดีต่อเด็กทารกหรือไม่? กล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่เหล่าแม่ๆจะให้กับลูกน้อยของคุณทันทีที่เขาเริ่มหย่านม เพราะกล้วยน้ำว้าอุดมไปด้วยสารอาหารมันช่วยในการพัฒนาของเด็กทั้งมีรสชาติหวานและกินง่ายสำหรับเด็ก ๆ คุณค่าทางโภชนาการของกล้วยน้ำว้าหนึ่งผล (100 กรัม) แคลอรี่: 89, ไขมันรวม: 0.3 กรัม, คอเลสเตอรอล: 0 มก., โซเดียม: 1 มก., โพแทสเซียม: 358 มก., คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด: 23 กรัม (ใยอาหาร: 2.6 กรัม; น้ำตาล: 12 กรัม)โปรตีน: 1.1 กรัม, วิตามินเอ: 1%, วิตามินซี: 14%, เหล็ก: 1%, วิตามินบี 6: 20%, แมกนีเซียม: 6% เมื่อไหร่ควรเริ่มให้กล้วยเป็นอาหารกับทารก หลายคนบอกว่าคุณสามารถเริ่มให้กล้วยน้ำว้ากับเด็กในช่วงอายุ 4-6 เดือน แต่อย่างไรก็ตามแพทย์แนะนำอย่างยิ่งให้รอจนกว่าทารกจะมีอายุ 6 เดือนและเริ่มด้วยกล้วยขนาดเล็กต่อวันจะเหมาะอย่างยิ่ง ประโยชน์ด้านสุขภาพที่น่าอัศจรรย์ของกล้วยน้ำว้าสำหรับทารก ตัวเลือกแรกของแม่สำหรับลูกน้อยก็คือกล้วยน้ำว้ามันเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มหย่านม อย่างไรก็ตามมีคำถามที่พบบ่อยในหมู่แม่ทุกคนว่า “ กล้วยทำให้เกิดอาการท้องผูกในทารกหรือไม่ […]

ลดน้ำหนักแบบไอดอล Girl group

ลดน้ำหนักแบบไอดอล Girl group ถ้าพูดถึงไอดอลเกาหลีเราจะเห็นได้ว่าทุกคนมีรูปร่างที่ดีมากๆ เราลองมาดูวิธีการลกน้ำหนักของสาวๆ ไอดอลเหล่านี้ดู 1. Dasom และ Soyou วง SISTAR’s ทั้งสองเคยเล่าว่าช่วงที่ลดน้ำหนักจะทานเพียงวันละมื้อเท่านั้น ถ้าอยากทานอย่างอื่นมากๆ ก็จะทานแล้วคายทิ้งขอแค่ได้ลิ้มรสของมันเท่านั้น 2. วง Nine Muses เผยว่าเค้าใช้ภาชนะเล็กๆ ในการรับประทานอาหารเพื่อให้ทานได้น้อยลง เช่น ข้าว 1 จานที่เคยกินถ้าใส่ภาชนะเล็กก็จะกินแค่ 1/3 หรือ 2/3 เท่านั้น พวกเค้าทานน้อยแต่ยังทานอาการได้ประโยชน์ครบหมู่ ลองมาดูตารางการทานอาหารทั้ง 7 วันของสาวๆวงนี้กัน Day1 เช้า: ขนมปังปิ้ง 1 ชิ้น แอปปเปิ้ล 1 ลูก และมันเทศ 1 ชิ้น กลางวัน: สลัดอกไก่ เย็น: มะเขือเทศเชอรี่ 8 ลูก และแตงกวา 1 ลูก Day2 เช้า: […]

กราโนล่าที่รักของนักเดินทางไกล

กราโนล่าที่รักของนักเดินทางไกลและผู้ที่มีกิจกรรมกลางแจ้งอยู่บ่อยๆ แน่นอนว่าการมีสุขภาพที่ดีหาซื้อไม่ได้ แต่หาอาหารที่กินแล้วมีสุขภาพที่ดีได้คุณสามารถหาเลือกซื้ออาหารเพื่อสุขภาพตามซุปเปอร์มาร์เก็ต และสินค้าที่มีคำว่า “บริสุทธิ์” และ “ธรรมชาติ” ติดอยู่บนฉลาก ฟังดูง่ายดีใช่ไหมคะ แล้วกราโนล่าดีต่อสุขภาพจริงหรือไม่? แน่นอนมันดีต่อสุขภาพ แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็มีความแตกต่างกันออกไปของส่วนผสมและแล้วเราจะรู้ด้ยังไงว่าอาหารที่เรากำลังกินอยู่นั้นมีคุณค่าทางโภชนาการหรือไม่ นี่คือสิ่งที่นักโภชนาการบอกในสิ่งคุณควรรู้เกี่ยวกับกราโนล่าก่อนที่จะเลือกมันเป็นของโปรด กราโนล่าทำมาจากอะไร? ไม่มีสูตรมาตรฐานตายตัวสำหรับการทำกราโนล่าดังนั้นมันจะดีต่อสุขภาพหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและวิธีการผลิต นักโภชนาการสหรัฐอเมริกากล่าวว่า กราโนล่าทำจากข้าวโอ๊ตทั้งเมล็ด ถั่ว เมล็ดพืช และผลไม้แห้ง ซึ่งข้าวโอ๊ตนั้นเต็มไปด้วยไฟเบอร์ซึ่งสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ ในขณะที่ถั่วให้ไขมันที่ดีต่อสุขภาพและผลไม้แห้งมีโพแทสเซียมอิเล็กโทรไลต์ที่จำเป็นสำหรับกระบวนการทางร่างกายรวมถึงการทำงานของเซลล์และการหดตัวของกล้ามเนื้อด้วย คุณควรมองหาอะไรในกราโนล่า ขั้นแรกดูรายการส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ว่ามีส่วนผสมของสารให้ความหวานมากน้อยแค่ไหนรวมไปถึงควรหลีกเลี่ยงสารให้ความหวานสังเคราะห์ จำพวกน้ำเชื่อมข้าวโพด เดกซ์โทรส ฟรุกโตส น้ำเชื่อมข้าวโพดฟรักโทสสูง (HFCS) น้ำผึ้ง แลคโตส มอลต์ไซรัป มอลโตส จากนั้นมองหากราโนล่าที่ไม่มีไขมันทรานส์และไขมันต่ำ ในส่วนที่เกินไขมันอิ่มตัว ทานกราโนล่าให้ดีต่อสุขภาพอย่างไร ก็ต้องทานในขนาดที่เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องกายเราลองมาดูวิธีคำนวณการเผาผลาญพลังงาน Basal Metabolic Rate (BMR) กันค่ะ สำหรับผู้ชาย : BMR = 66 + (13.7 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (5 x […]

กราโนล่า คืออะไร

กราโนล่า (Granola) เป็นอาหารหรือขนมขบเคี้ยวที่ได้รับความนิยมมาจากชาวตะวันตก ซึ่งมักจะรับประทานเป็นอาหารเช้าหรือขนมทานเล่น โดยเชื่อว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ รับประทานแล้วจะอิ่มท้องนาน และช่วยในการลดน้ำหนัก เพราะมีคุณค่าทางสารอาหารมาก และให้พลังงานสูง กราโนล่าประกอบไปด้วยข้าวโอ๊ต น้ำผึ้ง ถั่ว และธัญพืชต่างๆ ที่สามารถใส่ได้ตามใจชอบ เช่น ผลไม้แห้ง ลูกเกด ถั่ว วอลนัท หรืออัลมอนด์ หากคนระหว่างอบกราโนล่าจะไม่ติดกันเป็นแท่ง จะเหมาะกับการรับประทานเป็นอาหารเช้า แต่ถ้าอัดให้ติดกันเป็นแท่งก็จะเหมาะกับการทานเล่นเป็นขนม โดยสามารถนำมารับประทานกับโยเกิร์ต น้ำผึ้ง นม หรือซีเรียลก็อร่อยเข้ากันมาก นอกจากนี้ยังเหมาะกับการแต่งหน้าขนมอีกด้วย กราโนล่า กินแล้วไม่อ้วนจริงไหม ตอนนี้ผู้คนจำนวนมากกำลังหันมารักตัวเองมากขึ้น ทั้งเอ็กเซอร์ไซส์ในแบบต่างๆ ดูแลเรื่องการรับประทาน อาหารก็ต้องเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ไม่เค็ม ไม่มัน หวานน้อย และกราโนล่าก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่คนควบคุมอาหารกำลังนิยมมากๆ ไม่ว่าจะกินคู่กับนมหรือเอาไว้ของกินเล่นก็ได้เพราะกลิ่นหอมอร่อยเหมือนขนมและก็มีประโยชน์ด้วยเพราะมันคือส่วนผสมที่ไม่ได้ผ่านการแปรรูป ไม่ว่าจะเป็น โอ๊ต อัลมอล เมล็ดพืชหลายๆชนิดที่ผสมกันแล้วเอาไปอบให้แห้ง หลายคนก็ใส่ผลไม้แห้งอื่นๆอย่างลงไปเพื่อให้อร่อยยิ่งขึ้น ทำให้กราโนล่ามีพลังงานสูงแต่เต็มไปด้วยสารที่มีประโยชน์ ทั้ง fiber และธาตุเหล็กสูง ส่วนถั่วและ seeds ต่างๆก็เป็นไขมันดี แต่ถึงแม้จะฟังดูคลีนๆแต่ก็ให้พลังงานที่สูงทำให้ต้องคิดให้ดีก่อนกิน เพราะหากกินมากก็อ้วนได้เหมือนกันและนี่คือสิ่งที่ควรรู้ก่อนกินกาโนล่า ขนมคลีนที่กำลังฮิตกัน 1. […]

โรคกรดไหลย้อนร้ายแรงหรือไม่

โรคกรดไหลย้อนร้ายแรงหรือไม่ ในบทความนี้จะขอแบ่งระยะโรคกรดไหลย้อนเป็น 3 ระยะซึ่งแต่ละระยะก็มีอาการหรือความรุนแรงที่แตกต่างกันและมีที่มาของสาเหตุอาการที่ต่างกันจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ระยะแรกหรือแล้วเบื้องต้น คือระยะที่กระเพาะอาหารเริ่มอ่อนแอลง อาการจะเห็นได้ทั่วไปเช่นมีลมในท้อง ทานอาหารแล้วรู้สึกแน่นๆแต่ก็ไม่ได้เป็นมาก รู้สึกแสบร้อนในกระเพาะอาหารเล็กๆน้อยๆ เนื่องจากลมในกระเพาะอาหารเยอะในบางรายจะรู้สึกเสียดไปถึงด้านหลังได้และอาจปวดเมื่อยตามร่างกายเนื่องจากลมมันเข้าไปอยู่ตามกล้ามเนื้อส่วนต่างๆในร่างกาย วิธีแก้ไขง่ายๆก่อนที่จะไปรักษาด้วยยายาปฏิชีวนะต่างๆ อาจลองใช้สมุนไพรก่อนก็ได้ ลองทานกล้วยน้ำว้าดิบเพื่อรักษาแผลในกระเพาะอาหารก่อน อาจจะผสมน้ำผึ้งเพื่อให้ทานง่ายขึ้นก็ได้ก่อนอาหารเช้าและก่อนอาหารเย็นประมาณครึ่งชั่วโมงเพราะว่ายางของกล้วยน้ำว้าดิบจะช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารหรือแผลในหลอดอาหารได้ ที่สำคัญอย่าทานข้าวแล้วดื่มน้ำตามไปด้วยบ่อยๆ ระยะสอง ปัญหาในลำไส้ที่มีของเสียตกค้างมาก มีของเสียตกค้างมากในลำไส้เพราะกระบวนการย่อยไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ จนลำไส้ต้องสร้างจุลินทรีย์ตัวหนึ่งที่มีอยู่แล้วในลำไส้ขึ้นมามากขึ้น จนทำให้รู้สึกแน่นท้อง ผายลมบ่อย อาจมีอาการท้องผูก และบางรายอาจมีอาการหายใจไม่สะดวกร่วมด้วย การแก้ไขของโรคกรดไหลย้อนระยะที่สองก็คือการเอาของเสียในลำไส้ออก เช่น การทำดีท็อกแบบสวนลำไส้ หรือยาถ่ายแบบสามัญประจำบ้านก็ได้ และเมื่อขับของเสียในลำไส้ออกแล้วก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด เช่นนมวัว ของหวานๆ น้ำเย็น น้ำแข็ง หรือน้ำผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น เช่น แตงโม น้ำมะพร้าว เป็นต้น ระยะที่สาม ระยะที่สารอาหารในเลือดน้อยลง เนื่องจากกระบวนการย่อยที่ไม่ดีเป็นเวลานานและมีอุจจาระที่ตกค้างในลำไส้ต้นทำให้สารอาหารในเลือดน้อยลงระยะนี้จะถึงจำทานข้าวให้ตรงเวลาหรือทานสมุนไพรเล็กๆน้อยๆอาจจะไม่เพียงพอแล้ว อาการของโรคกรดไหลย้อนระยะนี้คือจะรู้สึกจุกที่คอแสบคอ มีกลิ่นปากง่าย รู้สึกปากแห้ง มึนหัวบ่อย อ่อนเพลียระหว่างวันเนื่องจากหลับไม่ลึก อาจสะดุ้งตื่นในตอนกลางคืนหรือรู้สึกแน่นท้องตลอด มีอาการแสบคอหรือหลายๆคนอาจปัสสาวะบ่อยด้วย วิธีแก้ไขกล้องทานอะไรที่บำรุงเลือด เช่น อาจทานโสมในตอนเช้าก่อนอาหารและทานสมุนไพรที่ช่วยเรียกน้ำย่อยก่อนอาหารมื้อเที่ยงและมื้อเย็น เช่นขมิ้นชัน และต้องขับถ่ายของเสียในลำไส้ออกด้วยที่สำคัญเรื่องความเครียดก็มีส่วน เวลาทานอาหารไม่ควรทำกิจกรรมอย่างอื่นไปด้วย

โรคกรดไหลย้อน อาการที่ต้องหลีกเลี่ยง

โรคกรดไหลย้อนต้องหลีกเลี่ยง โรคกรดไหลย้อย โรคฮิตของคนเมืองส่วนใหญ่โรคนี้มักจะเกิดกับคนที่มีชีวิตที่เร่งรีบ ทำงานไม่เป็นเวลาหรือนอนไม่เป็นเวลา ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือผู้ที่ทานยาบางชนิดที่หลีกเลี่ยงได้ยากเช่น ยาแก้โรคหอบหืด เป็นต้นโรคกรดไหลย้อนคือการที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับไปในหลอดอาหารซึ่งน้ำย่อยเป็นกรดที่มีความเข้มข้นสูงคนเป็นโรคกรดไหลย้อนจึงมักมีอาการแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ขึ้นมาที่หน้าอกและคอ ซึ่งอาการโรคกรดไหลย้อนจะกำเริบมากขึ้นหลังจากที่ทานอาหารมื้อหนักๆหรือหลังจากชื่อทานอาหารที่มีฤทธิ์กระตุ้นกรดให้หลั่งออกมามากขึ้นซึ่งอาหารที่คนเป็นกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบมีดังนี้ 1. อาหารไขมันสูงเช่น อาหารทอด อาหารมัน ช็อกโกแลต อาหาร Fast food หรืออาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น กะทิ นม เนย ชีส ไอศกรีมหรือไขมันจากเนื้อสัตว์ ซึ่งไขมันเหล่านี้จะไปรวมกับกรดในกระเพาะอาหารจึงจะทำให้รู้สึกจุกแน่นหรือร้อนที่กลางอกได้ 2. อาหารที่มีแก๊สมาก ทั้งน้ำอัดลม ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หรืออาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด ก็เป็นอาหารที่ไปกระตุ้นการสร้างน้ำย่อยมากขึ้น 3. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คนเป็นโรคกรดไหลย้อนยิ่งต้องหลีกเลี่ยงให้ไกลเพราะมันจะมีฤทธิ์กระตุ้นหูรูดของกระเพาะอาหารให้เปิดออกและทำให้กรดไหลย้อนกลับไปที่หลอดอาหารง่ายขึ้น 4. ผลไม้ที่มีกรดมาก ผลไม้ที่คนเป็นโรคกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยงคือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้มหรือสับปะรด เป็นต้น 5. ผักที่มีกรดแก๊สมาก เช่นหอมหัวใหญ่ดิบ พริก กระเทียม ซึ่งจะมีมากในอาหารประเภทยำต่างๆพริกไทย หอมแดง รวมทั้งผักดิบด้วย 6. หมากฝรั่ง การเคี้ยวหมากฝรั่งบ่อยๆคนเป็นโรคกรดไหลย้อนก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกันเพราะจะทำให้เวลาเคี้ยวหมากฝรั่งเราต้องกลืนน้ำลายอยู่บ่อยๆครั้งซึ่งการกลืนน้ำลายจะยิ่งไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น ทั้งนี้ก็ยังมีอาหารอื่นๆ ที่ช่วยในการ […]

กล้วยดิบช่วยลดน้ำหนัก ได้อย่างไร?

กล้วยดิบช่วยลดน้ำหนัก ทำไมรับประทานกล้วยดิบแล้วช่วยลดน้ำหนัก วันนี้ N Health Fruits มีข้อมูลดีๆมาบอกต่อ ในกล้วยดิบนั้นประกอบไปด้วยแป้งที่เป็นองค์ประกอบหลักซึ่งแป้งชนิดนี้คือ แป้งทนการย่อย หรือ Resistant Starch ประโยชน์ของแป้งชนิดนี้มีมากมายที่คุณจะต้องประหลาดใจเลยทีเดียว ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงในส่วนการทำงานของแป้งชนิดนี้ว่าช่วยลดน้ำหนักอย่างไร ซึ่ง แป้งทนการย่อย มีอยู่ 4 ประเภทด้วยกัน ในกล้วยดิบนั้นเป็นประเภทที่ (RS2) เป็นแป้งที่มีอะไมโลสสูง ทนการย่อยเนื่องจากแป้งทนต่อการทำงานของเอมไซม์ แป้งชนิดนี้จะไม่ถูกย่อยและไม่ดูดซึมในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก แต่จะสามารถผ่านเข้าไปถึงลำไส้ใหญ่ได้ และไปกระตุ้นการเติบโตของจุลินทรีย์ที่เรียกว่า โพรไบโอติก (Probiotics) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิต และมีประโยชน์ต่อลำไส้ใหญ่หรือต่อร่างกาย อาหารที่มีแป้งทนการย่อยสูงจะมีค่า Glycemic Index (GI) หรือ ดัชนีน้ำตาล ต่ำ ช่วยให้ระดับน้ำตาลไหลเข้าสู่กระแสเลือดช้า และสม่ำเสมอ ทำให้ระดับน้ำตาลอยู่ในระดับปกติ เพิ่มความรู้สึกอิ่มและลดความอยากอาหาร ช่วยลดไขมันในเลือด ควบคุมคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน และโรคหัวใจได้ ดังนั้น การที่เราน้ำหนักลดลงเป็นเพราะความอยากอาหารที่ลดลง ทานอาหารที่น้อยลง เป็นการลดน้ำหนักโดยธรรมชาติซึ่งจะปลอดภัยกว่าการที่เราลดน้ำหนักที่ผิดวิธี เช่น การอดอาหาร ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายเพราะจะทำให้ได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอได้ กล้วยดิบจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักโดยธรรมชาติ ปลอดภัย แถมได้ประโยชน์ต่อร่างกาย

สาเหตุอาการของโรคกรดไหลย้อน

โรคกดไหลย้อน สาเหตุอาการของโรคกรดไหลย้อน โรคกรดไหลย้อนคืออะไรส่งผลอย่างไรต่อร่างกายเรา โรคกรดไหลย้อนนั้น หรือเรียกอีกอย่างว่า โรคน้ำย่อยไหลกลับ, โรคกรดไหลกลับ โรคเกิร์ด เรียกอยู่ในชื่อของภาษาอังกฤษว่า  (Gastroesophageal reflux disease – GERD) หมายถึงกระเพาะอาหารที่ตกอยู่ในสภาวะน้ำย่อย Mini เป็นกรดไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหารลำคลองก่อให้เกิดความระคายเคือง ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้มีอาการแสบร้อนกลางอก ทางลำคอก่อให้เกิดการอักเสบขึ้นได้ จนถึงบริเวณกล่องเสียงอักเสบ 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน ซึ่งจะพบได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้ใหญ่ ดูอัตราที่ค้นพบมากที่สุดจะอยู่ในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป พบมากที่สุดจะอยู่ช่วงอายุเฉลี่ย 60 ถึง 70 ปี แต่โรคกรดไหลย้อนนั้นก็สามารถพบได้ในช่วงอายุเด็กเล็กจนไปถึงช่วงวัยรุ่น โรคกรดไหลย้อนจะพบเจอกับผู้หญิงและผู้ชายในโอกาสที่ใกล้เคียงกัน โรคกรดไหลย้อนเกิดขึ้นจากสาเหตุใด ในร่างกายคนเราจะส่วนที่ใช้ในการลำเลียงอาหาร ซึ่งสาเหตุของโรคกรดไหลย้อนนี้จะเกิดจากภาวะหย่อนสมรรถภาพของหูรูดส่วนล่างในหลอดอาหาร เป็นสภาวะ LES (Lower esophagel sphincter) กล้ามเนื้อในหูรูดที่เกิดสภาวะหย่อนทำให้ไม่สามารถปิดได้สนิท จึงเป็นช่องทางที่ทำให้น้ำย่อยที่อยู่ในกระเพาะอาหารย้อนกลับขึ้นไปที่หลอดอาหารและลำคอได้ ความเป็นกรดที่มาจากน้ำย่อยนั้นมีฤทธิ์ทำให้เกิดความระคายเคืองต่ออายุอวัยวะต่างๆ ทำให้มีสภาพการแทรกซ้อนต่างๆก่อให้เกิดความไม่สบายในส่วนต่างๆของร่างกายตามมา ในการรับประทานอาหารในสภาวะปกติขณะที่เรากลืนอาหาร กล้ามเนื้อหูรูดส่วนล่างของหลอดอาหารจะค่อยๆคลายตัวเพื่อให้อาหารที่เรารับประทานปล่อยผ่านลงไปยังกระเพาะอาหารได้ อาหารจะค่อยๆลงไปยังกระเพาะอาหารจึงหมด กล้ามเนื้อหูรูดจะค่อยๆหดรัดตัวขึ้นเพื่อปิดกั้นไม่ให้เศษอาหารและน้ำย่อยที่อยู่ในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไป น้ำย่อยที่อยู่ในกระเพาะอาหารนั้นจะมีฤทธิ์เป็นกรดที่อาจส่งผลกระทบที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเยื่อบุทางเดินหลอดอาหารได้ ในปัจจุบันยังไม่มีการทราบถึงสาเหตุที่ก่อให้เกิดหูรูดส่วนล่างหย่อนสมรรถภาพนหลอดอาหารเกิดจากสาเหตุ อะไร ตอนที่เห็นได้ชัดว่าหูรูดอาจเกิดจากการยังมีการเจริญเติบโตไม่เต็มที่หรือความเสื่อมตามอายุ ความผิดปกติภายในร่างกายตั้งแต่กำเนิด […]

ประโยชน์ของกล้วย

ประโยชน์ของกล้วย หากคุณต้องการเหตุผลดีๆสักข้อว่าทำไมคุณต้องกินกล้วยในมื้ออาหารของคุณด้วยล่ะก็ นี้คือสิ่งที่น่าเหลือประโยชน์ของการกินกล้วย 1.ไฟเบอร์สูง น้ำหนักของกล้วยนั้นเป็นส่วนของไฟเบอร์ ทั้ง ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำ และไม่ละลายน้ำ ไฟเบอร์ที่สามารถละลายน้ำได้นั้นมีแนวโน้มทำให้การย่อยอาหารช้าลงและช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเป็นเวลานาน นี้คือเหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องมีกล้วยอยู่ในมื้อเช้าของคุณ ดังนั้น คุณสามารถที่จะเริ่มต้นวันของคุณโดยไม่ต้องห่วงถึงมื้อถัดไปเลย 2.สุขภาพหัวใจ อาหารที่มีไฟเบอร์สูงนั้นกล่าวว่าดีต่อหัวใจ ตามผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Leeds ในอังกฤษ การบริโภคอาหารจำพวกที่มีไฟเบอร์สูงนั้นสามารถลดความเสี่ยงของโรคหัวใจทั้ง 2 ชนิดได้ ทั้ง CVD CHD 3.การให้การย่อยง่ายขึ้น ตามที่อายุรเวทกล่าว กล้วยประกอบไปด้วนรสหวานและรสเปรี้ยว กล่าวว่ารสหวานทำให้เกิดความรู้สึกหนักแต่รสเปรี้ยวเป็นที่รู้จักกันในการกระตุ้น agni (น้ำย่อย) ช่วยสนับสนุนการย่อยอาหารและช่วยในการสร้างการเผาผลาญ 4.แหล่งสารอาหาร ในเรื่องของโภชนาการนั้น กล้วยประกอบไปด้วยวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายและแร่ธาตุ เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม แมงกานีส เหล็ก โฟเลต ไนอะซิน วิตามินB2 และ B6 สารเหล่าจะกระจายในสัดส่วดที่เหมาะสมในแต่ละกระบวนการของร่างกายและช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดี 5.โพแทสเซียมสูง การที่กล้วยมีโพแทสเซียมที่สูงมากนั้นทำให้มันกลายเป็นสุดยอดผลไม้ ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย มันช่วยให้หัวใจเต้นเป็นปกติ ระดับความดันเลือดเป็นปกติ และช่วยให้สมองตื่นตัวตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้แน่ใจแล้วว่าคุณควรจะเพิ่มกล้วยเข้าไปในชีวิตประจำวันของคุณเพื่อหัวใจ สมอง และให้เลือดอยู่ในระดับมั่นคง 6.ความดันเลือด เรารู้ดีกันอยู่แล้วว่าเกลือเป็นตัวร้ายทำที่ทำให้ระดับความดันเลือดสูง […]

รู้หรือไม่กล้วยดิบยังนำมาเป็นส่วนประกอบของขนมได้อีกด้วย

รู้หรือไม่กล้วยดิบยังนำมาเป็นส่วนประกอบของขนมได้อีกด้วย กล้วยดิบ นอกจะนำมาชงกับน้ำอุ่นทานแล้ว เราสามารถนำผงกล้วยดิบนั้นมาทำเป็นแป้งในขนมได้ ผงกล้วยดิบ หรือ แป้งกล้วยดิบ ยังมีประโยชน์สูงกว่าแป้งสาลีอีกด้วย การนำ แป้งกล้วย มาทำขนมนั้นยังไม่เป็นที่นิยมกันมากนัก เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่ทราบถึงประโยชน์อันมากมายของกล้วยดิบ และยังคิดว่าการทานกล้วยดิบก็เหมือนการทานกล้วยสุก แต่หารู้ไม่ ว่ากล้วยดิบนั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากกล้วยสุกหลายข้อเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ในกล้วยดิบมีสารแทนนินที่เป็นตัวทำให้กล้วยดิบมียางเหนียวๆ สารตัวนี้ช่วยรักษาและป้องกันโรคกระเพาะอาหาร กล้วยดิบช่วยรักษากรดไหลย้อน ช่วยเรื่องโรคเบาหวานและอีกมากมายคนสมัยก่อนจึงนิยมนำมาทานรักษาโรค และประกอบกับงานวิจัยหลายๆฉบับที่พิสูจน์แล้วว่ากล้วยดิบรักษาโรคได้จริง ดังนั้นผู้บริโภคก็สามรถทานผงกล้วยดิบได้โดยไม่ต้องกังวลถึงผลเสียต่อร่างกาย และอย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่ากล้วยดิบนั้นมีประโยชน์ที่หลากหลายมากกว่าที่คุณคิดไว้ เพราะนอกจากจะนำมากินแบบสดๆหรือชงแบบผงทานกับน้ำอุ่นทานแล้ว กล้วยดิบยังนำมาทำอาหารหรือขนมได้อีกด้วย เพียงนำผงกล้วยดิบมาใช้แทนแป้งในขนมเท่านี้คุณก็จะได้ทานขนมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แถมไม่อ้วนอีกต่างหาก รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมหากล้วยดิบมาทานเพื่อประโยชน์ต่อคุณเองและคนที่คุณรักนะคะ กราโนล่า กล้วยดิบ Healthfruits

thThai